วิธีตั้งค่า “ความปลอดภัย” บน “เฟซบุ๊ก” ด้วยตัวเองง่ายๆ

เชื่อว่าปัจจุบันนี้ ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของ “การรักษาความปลอดภัย” ในข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น โดยเฉพาะกับข้อมูลบน “เฟซบุ๊ก” ซึ่งถือว่าเป็นเครือข่ายออนไลน์ที่ผู้ใช้มากที่สุดในโลก

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ได้รวบรวมคำแนะนำจากเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการป้องกันภัยจากการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง โดยเฉพาะในเฟซบุ๊กเพจ ไม่ว่าจะเป็น เพจธุรกิจ สื่อมวลชน ครีเอเตอร์ และโปรไฟล์ของบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ เพราะอาจตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้ายที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลการติดต่อและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอื่นๆ

ฟิชชิ่งคืออะไร

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฟิชชิ่งคือการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต เมื่อมีบุคคลพยายามที่จะเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ Facebook ของคุณด้วยการส่งข้อความหรือลิงก์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ฟิชชิ่งมีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งอีเมล โปรไฟล์ในโซเชียลมีเดีย โพสต์ และข้อความ หรือเว็บไซต์ปลอม โดยทั่วไปแล้ว นักต้มตุ๋นจะอ้างตัวว่าเป็นพนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงหรือแกล้งปลอมตัวเป็นบุคคลที่คุณรู้จัก เพื่อขอให้คุณให้ข้อมูลรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ และหากพวกเขาสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้งานของคุณได้ พวกเขาอาจใช้บัญชีของคุณในการส่งสแปมอีกด้วย

วิธีการป้องกันการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง

1. ระวังอีเมลหรือข้อความที่ไม่น่าไว้วางใจ

อีเมลที่มาจากเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ของคุณจะประกอบด้วย fb.com, facebook.com หรือ facebookmail.com เสมอ และคุณยังสามารถเยี่ยมชม www.facebook.com หรือเข้าไปที่หน้าแอพ Facebook ของคุณเพื่อตรวจสอบข้อความสำคัญจากเรา นอกจากนี้ อย่าหลงเชื่อข้อความที่ขอเงิน ให้ของขวัญ หรือข่มขู่ว่าจะลบหรือแบนบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ

2. อย่าเผยข้อมูลการเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณเป็นอันขาด

Facebook จะไม่ถามรหัสผ่านของคุณผ่านอีเมล หรือส่งรหัสผ่านให้คุณเป็นไฟล์แนบเป็นอันขาด และคุณควรหลีกเลี่ยงการเผยข้อมูลการเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้กับผู้อื่นด้วยเช่นกัน

3. อย่าคลิกไปที่ลิงก์ที่ไม่น่าไว้วางใจ

หากคุณเห็นอีเมล ข้อความ หรือโพสต์ที่ไม่น่าไว้วางใจและอ้างว่ามาจากเฟซบุ๊ก อย่าคลิกไปที่ลิงก์หรือไฟล์แนบเหล่านั้น

เคล็ดลับเพิ่มเติม: หากลิงก์นั้นมีลักษณะที่ไม่น่าไว้วางใจ คุณจะเห็นชื่อหรือ URL ที่อยู่ด้านบนของเพจปรากฏเป็นสีแดงพร้อมสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงเป็นการแจ้งเตือน

4. อย่าตอบกลับอีเมลเหล่านี้

อย่าตอบกลับข้อความที่ขอรหัสผ่าน เลขประกันสังคม หรือข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ

5. จัดการและรายงานไปที่ Facebook

หากอีเมลหรือข้อความ ที่คุณได้รับมีลักษณะที่น่าสงสัย คุณสามารถรายงานไปที่ phish@fb.com หรือหากคุณต้องการรายงานบทสนทนา คุณควรถ่ายภาพหน้าจอไว้ก่อนที่คุณจะลบหน้าบทสนทนานั้นทิ้งไป โดยข้อความต่างๆ จะยังไม่ถูกลบออกจากอินบ็อกซ์ของฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ คุณยังสามารถรายงานเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือสแปมบน Facebook ผ่านลิงก์การรายงานที่จะปรากฏอยู่ใกล้ๆ ตัวเนื้อหาอีกด้วย

6. ใช้งานฟีเจอร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่างๆ

รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบที่ไม่คุ้นเคยและตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้ของคุณ และเพื่อป้องกันตัวเองจากผู้ประสงค์ร้าย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งหรือสแกม คุณควรใส่ใจกับ “สัญญาณแจ้งเตือน” เพิ่มเติมที่อาจช่วยบ่งบอกว่าคุณกำลังตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้

วิธีการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งส่วนใหญ่มักเป็นการหลอกลวงที่เกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ด้วยความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจผิด นักต้มตุ๋นมักจะปลอมตัวเป็นบุคคลที่คุณรู้จักและขอความช่วยเหลือและเงินจากคุณ ในบางครั้ง พวกเขาอาจปลอมตัวเป็นเพื่อนหรือญาติของคุณ และแสร้งว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

นักต้มตุ๋นบางคนอาจส่งข้อความแนวโรแมนติกหาคุณ ด้วยความหวังที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณอย่างรวดเร็ว แต่ระวังเอาไว้เพราะในตอนสุดท้าย พวกเขามักจะขอให้คุณส่งเงินไปให้ หรือนำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปเผยแพร่

อีกกลวิธีคือการส่งข้อความหาคุณที่เชื่อมต่อคุณไปยังเพจเพื่ออ้างสิทธิในการรับรางวัล ซึ่งคุณจะต้องชำระค่าสมาชิก จ่ายค่าธรรมเนียม หรือแชร์ข้อมูลส่วนตัวของคุณในการอ้างสิทธิเพื่อรับรางวัลนั้น แต่ข้อความเพื่อการหลอกลวงเหล่านี้มักเป็นข้อความที่สะกดผิดและผิดหลักการใช้ภาษา ดังนั้น หากคุณพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณจะสามารถสังเกตได้ว่าลิงก์นั้นเป็นของปลอม

ข้อควรปฏิบัติหากคุณคิดว่าโดนหลอกลวงไปแล้ว

หากคุณได้ให้ข้อมูลชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านในลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือโดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้อื่นอาจเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ คำแนะนำคือควรทำใจเย็นๆ เอาไว้และปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้

– หากคุณยังสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ รักษามันด้วยการตั้งค่ารหัสผ่านใหม่และออกจากระบบจากอุปกรณ์ที่คุณไม่รู้จักทันที

– หากคุณไม่สามารถเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ และชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของคุณไม่สามารถทำงานได้ปกติ ใช้เครื่องมือกู้คืนบัญชีของคุณ

– ตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีผู้ใช้ของคุณหรือไม่ ด้วยการตรวจสอบกิจกรรมที่ผ่านมาและอีเมลที่ได้รับเมื่อเร็วๆ นี้ จาก Facebook

– หากคุณรู้สึกว่าคุณตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม กรุณาแจ้งความกับตำรวจในบริเวณใกล้เคียง และหากคุณได้ให้ข้อมูลบัตรเครดิตของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบแจ้งทางธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตของคุณทันที นอกจากนี้ อย่าลืมรายงานบุคคลหรือบัญชีผู้ใช้นั้นกับทาง Facebook ด้วย