สวัสดีครับ ครอบครับ DHAS ที่รัก เคยสงสัยกันไหมกับประโยคที่ว่า “คนเรามีเวลา 24 ชัวโมงต่อวันเท่ากัน แต่ทำไมได้อะไรไม่เหมือนกัน?” คนบางคนใช้เวลาทำงานแค่หนึ่งวันแต่ผลของงานที่ได้เทียบเท่ากับที่คนอีกจำนวนหนึ่งต้องใช้เวลาถึง 3 วันหรือ 1 อาทิตย์ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าเขาทำงานเป็นและใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ รู้จักวางแผนงาน รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน รู้ว่าอะไรควรทำก่อนควรทำหลัง และเขาเลือกที่จะทำงานชิ้นที่ให้ผลลัพธ์มากที่สุดก่อน หรือ งานจำนวน 20% ที่ให้ผลลัพธ์มากถึง 80% ของงานทั้งหมด …คนทั่วไปส่วนมากจะมัวสาละวนอยู่กับงานที่มากถึง 80% แต่ให้ผลแค่ 20% นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนบางคนดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ผลสัมฤทธิ์ของงานที่ได้กลับนิดเดียว
วันนี้ HRD Vshared ขอนำเอาหนังสือที่พูดถึงวิธีการทำงานให้ได้งานมากขึ้นโดยใช้เวลาให้น้อยลง และหยุดนิสัยการผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งน่าจะเป็นนิสัยที่เคยชินของใครหลาย ๆ คน “เดี๋ยว” “ผมไม่ว่าง” “ผมกำลังยุ่ง” “ผมไม่มีเวลา” ฯลฯ คำพูดเหล่านี้เป็นคำยอดฮิตของคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง ฝรั่งเขาเปรียบเทียบกับงานค้างคาจากการผัดวันประกันพรุ่งว่าเป็น กบ “FROG” อาจเพราะลักษณะมันน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกัน จนเราไม่ยอมลงมือทำซักที (ฝรั่งเขากลัวกบ) ต้องผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ ถ้าหากเปรียบเป็นสำนวนไทยก็คงเป็น “ดินพอกหางหมู” ยิ่งนานวัน ดินก็ยิ่งพูนพอกหางหมูก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ …หนังสือที่ผมจะพูดถึงมีชื่อว่า “EAT THAT FROG!” เขียนโดย Brian Tracy นักพูดมืออาชีพ ผู้ฝึกอบรม และที่ปรึกษา ชื่อก้องโลก (มีฉบับที่แปลเป็นไทยโดยคุณ วรรธนา วงษ์ฉัตร) Brian Tracy ได้ให้วิธีง่าย ๆ 21 ข้อ ในการทำงานและเอาชนะนิสัยการผัดวันประกันพรุ่ง หากคุณเป็นคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง เป็นคนที่ยุ่งอยู่ตลอด หรือเป็นคนที่กำลังเผชิญกับคำถามที่ว่า “ทำไมทำงานมากมาย แต่ได้ผลลัพธ์แค่นิดเดียว?” ฯลฯ ลองนำเอาวิธีทั้ง 21 ข้อนี้ไปปรับใช้ดูสิครับ …เป็นไปได้ไหมว่าเรากำลังให้ความสำคัญกับงานที่ไม่ได้สำคัญเลย ? เป็นไปได้ไหมว่าว่าเราทำงานโดยไม่ได้วางแผน ? เป็นไปได้ไหม….?
…ถ้าหากท่านใดนำวิธีเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ผมเชื่อเหลือเกินว่า คำว่า “ไม่มีเวลา” จะต้องเลือนหายไปจากพจนานุกรมของท่านอย่างแน่นอน
“One of the very worst uses of time is to do something very well that need not be done at all.”
“หนึ่งในการใช้เวลาอย่างไร้ค้าที่สุด คือการทำอะไรบางอย่างได้ดีมาก แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องทำเลยสักนิด”
1. จัดโต๊ะ (Set The Table)
…ตัดสินใจให้แน่นอนว่าคุณต้องการอะไร ความชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ เขียนเป้าหมายและจุดประสงค์ของคุณขึ้นมาก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือ
2. วางแผนทุกวันไว้ล่วงหน้า (Plan Every Day In Advance)
…คิดบนกระดาษทุกนาทีที่คุณใช้ในการวางแผนงานสามารถประหยัดเวลาในการปฏิบัติงานของคุณได้ 5-10 นาที
3. ใช้กฎ 80/20 กับทุกอย่าง (Apply the 80/20 Rule to Everything)
…20% ของงานที่คุณทำคือตัวที่จะรับผิดชอบผลลัพธ์อีก 80% ของคุณ จงตั้งสมาธิอยู่กับาน 20% แรกนั้น
4. พิจารณาถึงผลที่จะตามมา (Consider the Consequences)
…งานที่สำคัญที่สุดของคุณและการจัดลำดับความสำคัญคือสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ที่รุนแรงที่สุดทั้งในแง่บวกหรือแง่ลบกับชีวิตและการงานของคุณ จงเพ่งเล็งสิ่งเหล่านี้ให้มากกว่าอะไรทั้งหมด
5. ฝึกวิธี ABCDE อย่างต่อเนื่อง (Practice the ABCDE Method Continually)
…ก่อนเริ่มลงมือทำงานตามรายการ จงใช้เวลาครู่หนึ่งในการเรียบเรียงมันตามคุณค่าและลำดับความสำคัญเพื่อที่คุณจะมั่นใจได้ว่าคุณกำลังทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณ
6. เน้นที่หัวใจของงาน (Focus on Key Result Area)
…ชี้ชัดและกำหนดหัวใจสำคัญเหล่านั้นที่คุณต้องมีเพื่อให้ทำงานได้ดี และพยายามทำมันตลอดทั้งวัน
7. เชื่อฟังกฎแห่งประสิทธิภาพโดยความจำเป็น (Obey the Law of Forced Efficiency)
…คุณไม่มีเวลาพอที่จะทำทุกอย่าง แต่มีเวลาเสมอที่จะทำสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งนั้นคืออะไร?
8. เตรียมพร้อมอย่างรอบคอบก่อนเริ่มลงมือ (Prepare Thoroughly Before You Begin)
…การเตรียมการล่วงหน้าที่เหมาะสมเป็นการป้องการปฏิบัติงานที่ไม่ได้เรื่อง
9. ทำการบ้านของคุณ (Do Your Homework)
…คุณยิ่งรอบรู้และมีความชำนาญในงานที่เป็นหัวใจสำคัญมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งลงมือทำงานนั้นได้เร็วขึ้นและทำมันให้แล้วเสร็จได้เร็วเท่านั้น
10. ใช้พรสวรรค์ของคุณเป็นอำนาจสู่ความสำเร็จ (Leverage Your Special Talents)
…พิจารณาให้ชัดเจนว่าคุณถนัดทำงานอะไรหรือทำงานอะไรได้ดี แล้วก็เทใจให้กับการทำงานนั้น ๆ เต็มที่
11. มองหาตัวเหนี่ยวรั้งมิให้ทำงานที่สำคัญของคุณ (Identify Your Key Constraints)
…พิจารณาคอขวดหรือจุดสกัดทั้งภายในหรือภายนอกที่เป็นตัวกีดขวางในการบรรลุเป้าหมายสำคัญที่สุดของคุณ และตั้งอกตั้งใจทำให้มันบรรเทาเบาบางลง
12. เดินตามถังน้ำมันทีละใบ (Take It One Oil Barrel At A Time)
…คุณสามารถทำงานที่ใหญ่ที่สุดและสลับซับซ้อนมากที่สุดให้ลุล่วงได้ถ้าคุณทำมันทีละก้าว
13. สร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง (Put the Pressure on Yourself)
…จงสมมติว่าคุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นเวลาหนึ่งเดือนและจงทำงานให้ เหมือนกับว่า คุณต้องทำงานสำคัญทั้งหมดของคุณให้แล้วเสร็จก่อนออกเดินทาง
14. เพิ่มอำนาจส่วนตัวของคุณให้สูงสุด (Maximize Your Personal Power)
…พิจารณาว่าช่วงเวลาไหนที่คุณมีพลังกายและพลังความคิดสูงที่สุดในแต่ละวัน แล้วทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณในช่วงเวลานั้น พักผ่อนให้มาก ๆ เพื่อที่คุณจะได้ทำงานได้ดีที่สุด
15. กระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำ (Motivate Yourself Into Action)
จงเป็นเชียร์ลีดเดอร์ให้กับตัวคุณเอง มองหาแต่สิ่งดี ๆ ในทุกสถานการณ์ เน้นย้ำในวิธีแก้มากกว่าในตัวปัญหา มองโลกในแง่ดีและสร้างสรรค์อยู่เสมอ
16. ฝึกนิสัยผัดวันประกันพรุ่งในทางสร้างสรรค์ (Practice Creative Procrastination)
…เนื่องจากคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้ ดังนั้นคุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะผัดผ่อนงานที่มีค่าต่ำออกไปก่อน เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาพอในการทำเรื่องบางอย่างที่สำคัญจริง ๆ
17. ทำงานที่ยากที่สุดก่อน (Do Most Difficult Task First)
…เริ่มต้นแต่ละวันด้วยงานที่ยากที่สุดก่อน งานที่ทำให้คุณต้องทุ่มเทตัวเองให้กับมัน และจงตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะทำมันจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
18. แล่และหั่นงานเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Slice and Dice the Task)
…แบ่งงานใหญ่ที่ซับซ้อนลงเป็นงานชิ้นเล็กขนาดพอคำ แล้วเริ่มลงมือทำานด้วยการทำงานชิ้นเล็ก ๆ ทีละชิ้นก่อน
19. สร้างเวลาชิ้นโต (Crate Large Chunks of Time)
…แบ่งวันของคุณออกเป็นช่วงเวลาใหญ่ ๆ ที่จะสามารถทุ่มเทสมาธิเป็นเวลานาน ๆ ให้กับงานที่สำคัญที่สุด
20. สร้างสำนึกแห่งความเร่งรีบ (Develop a Sense of Urgency)
…สร้างนิสัยเสือปืนไวในงาน โดยทำตัวให้ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานทุกอย่างได้เร็วและทำได้ดี
21. ทำงานทุกอย่างทีละอย่าง (Single Handle Every Task)
…จัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน เริ่มต้นทำงานที่สำคัญที่สุดก่อนทันที แล้วทำไม่หยุด จนกระทั่งงานเสร็จสมบูรณ์ 100 % นี่คือเคล็ดลับที่แท้จริงสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงและการทำงานที่ได้ผลสูงสุด
โลกนี้มีสิ่งที่ต้องทำมากมาย แม้แต่ในคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย พนักงานที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักร้อง ดารา ที่มีชื่อเสียง ทุกคนต่างก็มีภารกิจมากมายไม่ต่างจากเรา แต่สิ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จแตกต่างจากคนทั่วไป คือ คนเหล่านั้นเข้าใจคำว่า First things first และเรียนรู้ที่จะเอาพลังงานที่มีอยู่จำกัด ผลักตัวเองให้พ้นจากความกลัว ความกังวล หรือแม้แต่ความขี้เกียจ เพื่อจัดการกับเจ้ากบตัวอ้วน น่าเกลียดน่ากลัวให้พ้นไปซะ หวังว่าอ่านบทความนี้จบแล้ว ครอบครัว DHAS ทุกท่าน จะลุกขึ้นมา Eat that frog! กันซักตัว
สนใจอ่านหนังสือฉบันเต็ม คลิกเลยยย