ตั้งแต่ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรับเปลี่ยนในหลายภาคส่วนทั้งตัวเอง ธุรกิจหรือองค์กร ให้เป็นไปตามกฎที่บีบบังคับให้อยู่ในกรอบเพื่อลดการแพร่เชื้อ เช่น อย่างการ Work From Home ซึ่งแน่นอนกว่าพฤติกรรมเหล่านี้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดขององค์กร ทั้งธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ จนหมด New Normal ที่หลายคนเรียกกัน คืออะไร New Normal หลังโควิด-19 หมดไป หรือ New Normal ที่เราต้องอยู่กับไวรัสนี้ไปอีกนานกว่านี้กันแน่
HRD Vshared ห่างหายกันไปนานวันนี้ ขอท้าคุณ มาเปลี่ยนตัวเองให้โตขึ้นยุคโควิด-19 ผ่านแนวคิด Growth Mindset กันครับ
ก่อนอื่น เรามาเริ่มตั้งคำถาม ก่อนว่า
คุณก้าวข้ามตัวเองได้หรือยัง?
ถ้ายัง, พอจะมีเวลาสัก 5 นาทีมั้ยครับ
นี่คือบทความที่จะทำลายกรอบความคิดเดิม ๆ ที่ฉุดรั้ง ‘ความเก่ง’ ของคุณไว้ในเวลา 5 นาที
|| เขาเก่งนะ เราไหวเหรอ?
“โอ้ย ทำยอดขายให้ได้ 10 ล้าน ช่วงโควิต เป็นไม่ได้หรอก”
“อื้อหื้อ เก่งว่ะ จะทำแบบนั้นได้ต้องฝึกตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ไม่ทันแล้ว”
“ก็ไม่ได้เก่งแบบเขานี่ จะไปทำได้ได้ยังไง”
“กว่าจะทำได้ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ง”
ทุกคนน่าจะเคยได้ยินหรือมีคนมาพูดคำพูดแนว ๆ นี้ใส่เราบ้างใช่มั้ยครับ พอฟังแล้วก็รู้สึกเฟล ท้อแท้ นั่งคิดกับตัวเองว่า ‘หรือเราจะไม่มีอะไรดีจริง ๆ’ จนกลายเป็น Mindset เป็นความคิดที่ติดอยู่ในหัวว่า ‘เราทำไม่ได้’
แต่ HRD Vshared จะบอกคุณว่า “คุณเปลี่ยนมันได้”
“You can do anything you set your mind to.” – Benjamin Franklin
เมื่อความเชื่อทัศนคติของเราเริ่มตกตะกอนเป็น mindset มันจะถูกจัดอยู่ใน 2 รูปแบบนี้ :
Fixed Mindset กับ Growth Mindset
|| Fixed Mindset
คือ การที่เราคิดว่าตัวเองดีพอแล้ว หรือไม่สามารถดีกว่านี้ เป็นความคิดทำให้เราไม่กล้าจะที่ออกจาก comfort zone ของตัวเอง แบบเดิมมันดีแล้ว ทำแบบใหม่ก็กลัวจะแย่ พยายามไปก็ไม่ดีกว่านี้
เป็นกระบวนการคิดที่เรายึดติดว่าเราไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ ทำให้เรา ‘กลัว’ ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
- การเล่นแบดมินตันไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดเอาซะเลย เราไม่ได้ born to be ด้านนี้
- เราเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องพยายามหรอก ยังไงเราก็ยังเก่งอยู่ดี
|| Growth Mindset
คือ การที่เรามองว่าอุปสรรคไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้ ‘ลอง’ สิ่งใหม่ จะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าไม่ลองดู ใครจะไปรู้ เราอาจจะทำได้ดีกว่าที่คิดซะอีก
เป็นกระบวนการคิดที่ทำให้เราพยายามเอาตัวเองออกจากกรอบเดิม ๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่าและจะดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เท่าที่เราคิดว่า เราทำมันได้
- เรายังไม่เคยตีแบดฯมาก่อน ถ้าเราตั้งใจมาก ๆ เราอาจเป็นนักกีฬาแบดมินตันอาชีพได้
- กว่าเราจะมาถึงตรงนี้ได้ เราฝึกตัวเองอย่างหนักเพื่อให้เราเก่ง ถ้าเราฝึกมากกว่านี้เราก็จะเก่งมากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาก็ตาม
“I have not failed. I’ve just found 10,000 ways that won’t work.”– Thomas A. Edison
การทดลองนับหมื่นรอบเป็นตัวเลขที่เยอะจนน่ากลัว แต่ไม่มีการทดลองไหนที่ไม่ใช้เวลาและการฝึกฝน ทั้งเรื่องเล็กจ้อยและใหญ่ยักษ์ และหลายครั้งการทดลองของเราก็ไม่ได้สำเร็จในครั้งที่ 1 – 2 – 3 – 4
ถ้าเราหยุด เราจะหยุดที่ความล้มเหลวที่ไม่มากไปกว่านี้ แต่ไม่ใช่ความสำเร็จแน่นอน
การลองผิดลองถูก คือ การค้นหาว่าทางไหนที่เราทำแล้วมันไม่เวิร์ค เพื่อที่จะหาทางสู่ความสำเร็จด้วยวิธีอื่น มันน่าเสียดายที่ความสำเร็จอยู่ใกล้คุณมากกว่าที่คิด แต่การกลัวความล้มเหลวรั้งคุณไว้
ใครจะรู้ คุณอาจจะประสบความสำเร็จในครั้งที่ 5
คนเราอาจจะมี Growth Mindset กับบางเรื่อง แต่อาจจะมี Fixed Mindset กับบางเรื่องก็ได้
ไม่ใช่ว่าคิดจะพัฒนาไปทุกเรื่อง หรือ ยึดติดไปทุกเรื่อง ลองสำรวจตัวคุณเองว่าในแต่ละเรื่อง คุณมี Mindset แบบไหน และคุณพร้อมที่จะเติบโตหรือยัง?
ถ้าพร้อมแล้ว ลองตอบคำถามต่อไปนี้ว่าคุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
⇒1. ความฉลาดเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาแต่เกิด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้
⇒2. เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ แต่พัฒนาตัวเองให้ฉลาด/เก่งขึ้นไม่ได้
⇒3. คุณจะฉลาดแค่ไหน คุณก็สามารถพัฒนาตัวเองให้ฉลาดขึ้นอีกเล็กน้อยได้
⇒4. คุณสามารถพัฒนาตัวเองให้ฉลาดขึ้นได้อย่างมหาศาล
(คำถามจากหนังสือ Mindset : ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา โดย Carol S. Dweck)
ถ้าคุณเห็นด้วยกับข้อ 1 และ 2 แปลว่าคุณมีความคิดแบบตายตัว (Fixed mindset)
ถ้าคุณเห็นด้วยกับข้อ 3 และ 4 แปลว่าคุณมีความคิดแบบเติบโต (Growth mindset)
เมื่อคุณรู้ว่า Growth mindset กับ Fixed mindset ต่างกันยังไง ลองสังเกตตัวเองในชีวิตประจำวันดูว่าสิ่งที่คุณทำในแต่ละวันมันมาจาก mindset แบบไหน
จากคำถาม 4 ข้อนี้ เมื่อคุณมีความคิดอยู่ในข้อ 1 และ 2 เปลี่ยนมันให้เป็นข้อ 3 และ 4 ดู จากนั้นลองเปลี่ยนคำที่ขีดเส้นใต้ให้เป็นพฤติกรรมของคุณ
ตีแบดฯเก่งเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาแต่เกิด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนไปได้มากนัก >>> ไม่ว่าคุณจะตีแบดฯเก่งแค่ไหน คุณก็สามารถตีแบดให้เก่งขึ้นอีกได้
คุณเรียนรู้ที่จะเล่นหมากรุกได้ แต่พัฒนาตัวเองให้เก่งจนชนะแชมป์ไม่ได้ >>> คุณสามารถพัฒนาตัวเองให้เล่นหมากรุกเก่งขึ้นได้อย่างมหาศาล
อาจจะฟังดูน่าขำว่าแค่คิดใหม่แค่นี้จะไปเปลี่ยนอะไรได้ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นครับ ถ้าคุณไม่คิดว่ามันเปลี่ยนได้ คุณจะไม่พยายามเปลี่ยนมันเลย อันนี้แหละ โอกาสเป็นศูนย์ของจริง
|| Growth mindset ช่วยให้คุณเรียนรู้ได้ยังไง
- ให้กำลังใจตัวเองในการทำงานมากกว่าผลลัพธ์ที่ออกมา
- ลองนึกย้อนดูว่าคุณได้อะไรจากการทำงานบ้าง ไม่ใช่แค่ยินดีกับความสำเร็จ
- หาอะไรที่ท้าทายความสามารถของคุณ แล้วสนุกไปกับมัน
- ความล้มเหลวไม่เคยอยู่กับใครนาน สุดท้ายมันจะถูกกำจัดไปด้วยความพยายาม
บอกกับตัวเองว่า “ดีนะที่เราได้ลอง ถึงแม้ว่ามันจะสะดุดบ้างก็เถอะ” มากกว่าที่จะเป็น “ทำไมถึงไม่รู้มาก่อนนะ”
เราไม่ต้องรู้ก่อนในทุก ๆ เรื่องก็ได้ จริงอยู่ที่ว่าชีวิตคนเราไม่ได้ยาวมากพอที่จะเรียนรู้ทุกอย่างได้ แต่การเรียนรู้ระหว่างทางมีความหมายและทำให้คุณพัฒนาตัวเองมากกว่าการฟังว่าคนอื่นเจออะไรมาบ้าง คิดแบบนั้นมั้ย
||สรุป 3 ขั้นตอนคิดให้เติบโตด้วย Growth Mindset
1. รู้และเข้าใจว่าพฤติกรรมไหนของคุณเป็น Fixed/Growth mindset
2. เลือกเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาตัวเองจากยึดติดให้เติบโต
อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูกเพื่อเรียนรู้ อย่างที่บอก ถ้าคุณเลือกที่จะหยุดก็เท่ากับคุณเลือกที่จะแพ้ให้กับกรอบเดิม ๆ
3. เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน
พัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าคุณคิดว่ามันพัฒนาต่อไม่ได้แล้ว ลองคิดว่ามันเป็นเกมดู เมื่อเลเวลของคุณสูงขึ้น ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้มันก็ต้องมากขึ้นด้วยเหมือนกัน
|| จงเป็นแก้วใบที่ใหญ่ขึ้นเสมอ
การล้มเหลวไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณล้มเหลวและเรียนรู้มัน จะเปลี่ยนแปลงความคิดที่เรามีมาตลอดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คุณรู้แล้วว่ามันเปลี่ยนได้
‘ฝึกฝนและพัฒนา’ เป็นกุญแจสำคัญมากกว่าพรสวรรค์ใด ๆ ทุกครั้งที่คุณรู้สึกว่าน้ำในแก้วของคุณเริ่มเต็ม
ไม่คิดเหรอครับว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่แก้วของคุณจะใหญ่ขึ้นเพื่อรับน้ำที่มากขึ้น