สิ่งล้ำค่าที่ท้าทายให้ชีวิตต้องจ่ายมัน

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยิน ได้ฟัง ได้พูด ได้คุณ ได้ปราศรัย ในทำนองว่า “คุณต้องการอะไรก้นแน่ในชีวิต” สมาชิกในบ้าน DHAS หรือคนทั่ว ๆ ไปก็อาจจะตอบไปแบบส่งๆ ประมาณว่า เฮ้ยยยย!!!  ฉันอยากมีความรักที่ดีดี ลงเอยกับใครสักคน อยากโมเม้นแห่งความสุข อยากมีเงินเยอะ ๆ อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นจนใครอิจฉา อยากมีงานที่ใช่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ หรืออยากมีสุขภาพที่ดี ดูดีมีเสน่ห์ ร้อยแปดพันเก้า

ประเด็น หรือพอยต์ ของ HRD Vshared ก็คือ แล้วทำไมเราถึงยังก้าวไปไม่ถึง หรือไม่ได้ในสิ่งเหล่านั้นสักที เห็นตรงกันอย่างที่ไม่ต้องอาศัยโพลจากสำนักไหน แน่นอนครับว่าทุกคนอยากสวย อยากหล่อ อยากได้รับการยอมรับ อยากมีสุขภาพที่ดี อยากมีอิสระภาพทางด้านการเงินกันทั้งนั้นล่ะ ผมได้อ่านบทความดีๆ ของ มาร์ก แมนสัน (Mark Manson) นักเขียนและเจ้าของบล็อก markmanson.net เค้าบอกไว้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รับในสิ่งที่ตัวเองต้องการนั้น ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาถามคำถามที่ผิดกับตัวเอง เฮ้ยประเด็นนี้น่าคิดจริงๆ นะ

เคยสังเกตไหมว่าทุกครั้ง เรามักจะตั้งคำถามกับตัวเองเสมอ หรือคนรอบตัวเราก็มักจะถามว่า “เราอยากได้อะไรในชีวิต” ซึ่งนั่นมันเป็นคำถามที่ผิด จริง ๆ แล้วเราควรจะถามตัวเองว่า “คุณพอใจหรือยินดีหรือไม่ กับ สิ่งล้ำค่าที่ท้าทายให้ชีวิตของคุณต้องจ่ายมัน”

ผมเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ของฟรีไม่มีบนโลกใบนี้ ของถูกและดี นี่มันหายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก คุณว่าจริงไหม เพราะว่าทุกอย่างที่เราปรารถนาให้ได้มานั้น ล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ

สิ่งหนึ่งที่ Mark เขียนไว้อย่างเจ็บแสบคือ ผู้คนปล่อยใจให้นึกถึงแต่สิ่งที่ฝันใฝ่หรือปรารถนาจะได้ หากแต่พวกเขาไม่ได้เอ่ยถึงมูลค่าหรือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อมัน (เสียดแทนสุดๆๆ) ยกตัวอย่างเช่น

เราปรารถนาที่จะมีหุ่นที่ดี หุ่นที่เฟิร์ม ลดพุงที่ย้วย:
คำถามคือวันนี้คุณได้เริ่มต้นที่จะเปลี่ยนนิสัยการกิน ซื้ออาหารสุขภาพ มากว่าอาหารขยะ ลงทุนสภาพแวดล้อมของการออกกำลังกาย  คอร์สฟิตเน็ต หรือแม้กระทั่งการสละเวลาให้กับมัน หรือคุณเลือกที่จะตามใจปาก. กินขนมหวานเหมือนเดิม รักสบาย เข้านอนเพื่อฝันถึงหุ่นดีๆ

เราปรารถนาที่จะได้ขึ้นเงินเดือน หรือได้รับโอกาสในงานที่ดีใช่ไหม:
คำถามคือ วันนี้คุณทุ่มเททำงานอย่างหนัก  และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า หรือคุณเลือกที่จะดู Netflix ตอนที่คุณว่าง แทนที่จะหาหนังสือดี ๆ อ่าน หรือทำอะไรก็ได้ที่มันจะช่วยพัฒนาคุณให้พร้อมเมื่อโอกาสของงานที่คุณต้องการมาถึง

เราปรารถนาที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดการเงินใช่ไหม:
คำถามคือวันนี้คุณเริ่มคิด เริ่มออมเงิน เริ่มวางแผน แล้วหรือยัง หรือคุณกำลังรู้สึกว่าต้องการที่จะเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ เพราะคันที่ขับอยู่ คุณเริ่มที่จะไม่ชอบมันซะแล้ว (ทั้ง ๆ ที่มันยังขับได้ดีมากอยู่)

แน่นอนครับคนส่วนใหญ่อยากที่จะได้ในสิ่งต่าง ๆ แต่ไม่เคยถามตัวเองว่า “ใจคุณใหญ่พอที่จะกล้าสู้เพื่อมันไหม” หรือ “เราพร้อมที่จะลงแรงจ่ายด้วยราคาของมันหรือเปล่า”

ธรรมมะกันสักนิ๊ดดดดจ้าาา เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ มีธรรมะ ย่อมมีอธรรม คนเราเองก็เช่นกันการใช้ชีวิตมักกอปรไปด้วย Positive Thinking กับ Nagative Thinking แต่สังคมไทยมักมองแค่ผิว แล้วปล่อยใจให้ล่องลอยไปโดยปราศจากการไตร่ตรอง เช่น เราเห็นคนหนึ่งออกไปทำธุรกิจร้านกาแฟแล้วรุ่ง เพื่อนที่เราไม่เคยเจอกันเลยหลายปี แต่มีรถสปอร์ตขับ หรือแฟนเก่า ในมาดใหม่หุ่นดี ดี ไฉไลกว่าเดิม เราอาจจะมองว่ามันคงรวยอยู่แล้วรึเปล่า, คงฟลุ๊คจับถูกหวยรวยเบอร์เป็นแน่แท้ หรือศัลยกรรมชัดๆ

แต่หากเราลองมองให้ลึกลงไปถึงอีกด้านหนึ่ง เขาอาจจะตรากตรำทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างธุรกิจขึ้นมา อาจจะต้องรับความเครียดที่มากกว่าคนอื่น ใช้ชั่วโมงในการทำงานที่มากกว่าคนทั่วไป วันหยุดอยากที่จะนอนดู Netflix ก็ต้องเลือกที่อ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เดินกลับบ้านเพื่อสุขภาพ แทนที่จะขับรถหรือใช้ขนส่งสาธารณะ งดเว้นบุฟเฟ่ต์ แล้วหันมากินผักผลไม้แทน

มหาเศรษฐีเกือบทุกคน (หลาย ๆ คนก็น่าจะเคยอ่านหรือเคยได้ยินประวัติของคนเหล่านี้มาบ้าง) แทบจะทุกคนไม่มีใครเลยที่ทำงานชิว ๆ สบาย ๆ ในช่วงแรกของการสร้างธุรกิจ แต่ที่เราเห็นเขาชิว ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาได้จ่ายมันด้วยราคาของความทุ่มเทพยายามอย่างหนักจนได้ในสิ่งที่เขาต้องการมาแล้ว หรือในอีกมุม ภาพที่เราเห็นเขาดูสบาย ชิว ๆ จริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยก็ได้

ฉะนั้น HRD Vshared ขอสรุปว่า ต่อไปนี้ถ้าเราอยากที่จะได้อะไร ลองถามกับตัวเองดูว่า มันต้องจ่ายด้วยราคาเท่าไหร่ แล้วเราพร้อมยอมที่จะจ่ายไหม หรือ ยอมที่จะสู้เพื่อมันหรือไม่

“เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ มันมีราคาที่จะต้องจ่ายเสมอ”