มาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่เจ๋งกว่าเดิมกันดีกว่า

10 เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สำหรับคนที่อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
จะมีทริคดี ๆ อะไรบ้าง มาดูกัน

ผ่านมาแล้วครึ่งปี ทำให้แต่ละ BU หรือ แต่ละหน่วยงาน ได้ทบทวน Revise แผนงานของตนเองว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่  เราผู้ซึ่งเป็นพนักงานที่เป็นส่วนหนึ่งของทีม มักคิดถึง การตั้งเป้าที่จะทำอะไรใหม่ ๆ หรือพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม และสำหรับใครที่กำลังมองหาแนวทางพัฒนาการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้นอยู่ละก็ HRD Vshared จึงได้หยิบเคล็ดลับดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ที่เว็บไซต์ Business insider ได้รวบรวมมาฝากทุกคน มาดูกันซิว่าพวกเขามีเคล็ดลับเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นในปีหน้า ยังไงบ้าง ถ้าลองนำไปปรับใช้ รับรองว่าคุณจะกลายเป็นคนใหม่ที่เจ๋งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

1. On Minute >>”กฎหนึ่งนาที”

          Gretchen Rubin นักเขียนเจ้าของผลงานชื่อดังอย่าง Better Than Before และ The Happiness Project ได้แนะนำวิธีพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น โดยการทำตามกฎหนึ่งนาที คือการทำทุกอย่างที่ทำได้ภายในเวลาหนึ่งนาที ไม่ว่าจะเป็นการตอบอีเมล เก็บเสื้อผ้า จดบันทึก หรืออะไรก็ตามแต่ที่เห็นว่าสามารถทำเสร็จได้ภายในหนึ่งนาทีก็ให้ทำเลยทันที ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ให้เสร็จไป ช่วยทำให้เรามีพลังมากขึ้นเพื่อจะได้ทำงานอื่น ๆ ไม่ต้องมามัวพะวงกับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ยังไม่ได้จัดการนั่นเอง

2. Coffee and Works >> “นำสิ่งที่รัก มาทำควบคู่กับงานที่ต้องทำ”

          ใครที่ชอบดื่มกาแฟ เหมือน HRD Team ไม่ใช่สิเรียกว่า ติดกาแฟจะดีกว่า   อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์ อย่าง Dan Ariely ได้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าเขานั้นชื่นชอบการดื่มกาแฟในยามเช้า ส่วนงานที่เขาต้องทำทุกวันนั่นก็คือ การเขียนหนังสือ เขาจึงชอบที่จะดื่มกาแฟไปด้วยในขณะที่เริ่มทำงานในแต่ละวัน เพื่อให้ทุกเช้าที่เริ่มทำงาน จะได้มีความสุขกับสิ่งที่รักและการทำงานได้ในเวลาเดียวกัน

3. Begin with the End in Mind >> “หาเวลานั่งคิดกับตัวเอง”

          เคล็ดลับการทำงานง่าย ๆ ที่ Cal Newport ผู้เขียนหนังสือ Deep Work แนะนำก็คือการให้เวลากับตัวเองได้นั่งคิดเรื่องต่าง ๆ ที่ยาก ๆ หรือปัญหาที่สำคัญบ้าง โดยเขาจะกำหนดไว้เลยว่าช่วงไหนที่เขาจะให้เวลาตัวเองนั่งคิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ และจดไว้เตือนตัวเองในปฎิทินไม่ต่างจากกำหนดการนัดประชุมเลย ซึ่งแน่นอนว่าการทำแบบนี้ ทำให้เขาสามารถทำงานที่ยากได้ถูกต้อง แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม

 
4. Categorize >> “จัดหมวดหมู่สิ่งที่ต้องทำ”

          Laura Vanderkam เจ้าของผลงาน I Know How She Does It บอกว่าในทุกวันศุกร์ เขาจะคิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อในสัปดาห์หน้า โดยจัดลำดับความสำคัญของรายการที่ต้องทำออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ งาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และตัวเอง ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้การใช้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้น และเป็นการคอยเตือนว่า เราไม่ควรให้น้ำหนักกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป แต่ควรบริหารจัดการชีวิตให้มีความสมดุลที่สุด

5. Forgive >> “ให้อภัยกับความผิดพลาดของตัวเอง”

          หลายคนคงมองว่าการโฟกัสกับสิ่งที่ทำ ไม่ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน หรือเปลี่ยนมามองโลกในแง่ดีมากขึ้น เป็นสิ่งที่ช่วยให้งานที่ทำออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วยังไงก็ต้องเคยเจอวันที่แย่ วันที่ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด จนรู้สึกท้อแท้ หมดหวังในการทำงาน แต่ถ้าเรารู้จักปล่อยวาง ให้อภัยตัวเอง และลืมความผิดพลาดนั้นไปซะ ก็จะทำให้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นแนวทางง่าย ๆ ที่ Brigid Schulte นักเขียนเจ้าของผลงาน Overwhelmed: Work, Love, and Play When No One Has the Time แนะนำให้ลองทำตามดู

6. My Ability >> “รู้ขีดความสามารถของตัวเองในขณะนั้น”          ในแต่ละวันเรามีงานมากมาย ทั้งเล็ก ใหญ่ ยาก ง่าย สลับกันไป นักจิตวิทยาอย่าง Ron Friedman จึงแนะนำว่าการรู้ว่าในตอนนั้นเรามีพลังเหลือแค่ไหน แล้วเลือกทำงานที่เหมาะกับกับช่วงนั้น ๆ ก็จะสามารถทำงานได้ดีขึ้น เช่น ช่วงนี้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีพลัง ก็อาจจะเลือกงานที่ซับซ้อนงานยาก ๆ มาทำ แต่ถ้าช่วงไหนเหนื่อย ๆ เริ่มจะหมดพลังแล้ว ก็ควรเลือกงานเล็ก ๆ น้อย ที่ไม่ยากมากมาทำ

7. Trash >> “เคลียร์อีเมลให้เกลี้ยงต้อนรับ ครึ่งปีหลังของการทำงาน”

Alexandra Samuel นักเขียนเจ้าของผลงาน Work Smarter With Social Me จะใช้เวลาช่วงมิถุนายน – กรกฎาคม ในการไล่ลบอีเมลเก่าในปีที่ผ่านมาออกไป เพื่อเริ่มต้นกลางปี ด้วยกล่องอีเมลที่สะอาด ซึ่งมันทำให้เธอสามารถเช็กอีเมลที่ส่งมาในแต่ละวันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น เธอยังตั้งกฎในการใช้อีเมลให้ตัวเอง คือเมื่อดูอีเมลที่ส่งมาล่าสุด 50-100 ฉบับ ก็จะจัดการกับจดหมายข่าว หรือสำเนาอีเมลที่ไม่จำเป็นทิ้งไป และนำไปเก็บไว้ในโฟลเดอร์เฉพาะแทน

8. Mail Alarm >> “ตั้งเวลาเข้าเช็กอีเมล”

เราสามารถแบ่งคนออกได้เป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มที่ดูอีเมลอยู่ตลอดเวลา กับกลุ่มที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อเข้ามาเช็กอีเมล ซึ่งมีงานวิจัยออกมาว่ายิ่งเราเช็กอีเมลบ่อยแค่ไหน ยิ่งทำให้เครียดมากเท่านั้น ซึ่ง Jocelyn Glei ผู้เขียนหนังสือ Unsubscribe ก็ได้แนะนำคนที่อยากจะพัฒนาการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยการตั้งเวลาเข้าไปเช็กอีเมลแค่วันละ 2-3 ครั้ง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีเช่นกัน แถมช่วยลดความเครียด ทำให้มีความสุขมากขึ้นอีกด้วย

9. Job Listing >> “ลิสต์สิ่งที่สามารถทำเสร็จได้ใน 15 นาที”

          Carson Tate เจ้าของผลงาน Work Simply เผยทริคดี ๆ ว่าในแต่ละวันลองลิสต์รายการหรือสิ่งที่เราสามารถทำได้ภายใน 15 นาทีเก็บไว้ดู เพื่อในยามที่ว่าง หรือรออะไรสักอย่าง จะได้นำสิ่งที่เราจดไว้มาทำฆ่าเวลา อีกทั้งยังเหมือนเป็นการแก้ปัญหาผัดวันประกันพรุ่งของหลาย ๆ คนได้อีกด้วย ไม่แน่ว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราใช้เวลาแค่ 15 นาที อาจถูกนำมาพัฒนากลายเป็นงานใหญ่ หรือเจอไอเดียสร้างงานท้าทายใหม่ ๆ จากสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำก็เป็นได้

10. The way to Success >> “เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหา 3 สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ”

          Chris Bailey ผู้เขียนหนังสือ A Year of Productivity บอกว่าลองหา 3 สิ่งที่เราต้องการทำให้สำเร็จในแต่ละวันดูสิ เพื่อเป็นเครื่องเตือนว่าสิ่งที่กำลังทำในระหว่างวันนั้นถูกต้อง และกำลังนำไปสู่สิ่งที่เราต้องการจริงหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลากับสิ่งไม่จำเป็น และจะได้นำเวลาและกำลังของเราที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละวันไปมุ่งมั่นกับสิ่งที่ต้องการจริง ๆ

          ได้เคล็ดลับดี ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานกันไปแล้ว ก็อย่าลืมนำไปลองปรับใช้กันด้วยนะคร๊าฟฟฟฟ เพราะไม่แน่ว่าสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมแบบไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ใครจะรู้