เทคนิคการทำ Slideให้ดูน่าสนใจ และ Professional มากขึ้น!!

ในสังคมแห่งการการทำงาน ของครอบครัวสยามวาลา มีการนำเสนอ อยู่ตลอดเวลา ทั้งนำเสนอในทีม นำเสนองานต่อฝ่ายบริหาร นำเสนอต่อที่ประชุม หรือการทำเสนองานกับลูกค้า เพื่อ Pitching งาน โดยเราเชื่อว่าส่วนมากเพื่อนๆคงทำ Presentation จาก โปรแกรม Slide ซึ่งวันนี้เรามีเทคนิคการทำ Slide ในการนำเสนอข้อมูลไม่ให้น่าเบื่อ ดูน่าสนใจ เข้าใจง่าย และดู Professionalมากขึ้น ที่สำคัญ สามารถดาวน์โหลด Slide Theme ไปใช้ได้ฟรีๆ กันเลยทีเดียว….

1. “Flat Design” เรียบง่าย สดใส และชัดเจน

“Flat Design” คือ การออกแบบทุกอย่างให้ดูแบนราบ ลดการใช้องค์ประกอบทุกอย่างที่มีมิติ ไม่ว่าจะเป็น การให้แสงและเงา การใส่พื้นผิวให้กับวัตถุ การไล่สี รวมไปถึงสิ่งอื่น ๆ ที่จะทำให้วัตถุนั้นลอยออกมา เพราะต้องการเน้นไปที่ “Content” มากกว่าสิ่งอื่นใด

ดังนั้นหน้าตาของ Flat Design จึงเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่มีจุดเด่นที่สีสันสดใสและฉูดฉาดมากยิ่งขึ้น จากเดิมอาจใช้แค่ 2-3 สี แต่ Flat Design จะใช้ 6-8 สี เลยทีเดียว เพราะเมื่อทุกอย่างในงานพรีเซนเทชั่นของเราต้องดูราบเรียบ จึงต้องใช้สีเข้ามาช่วยเพื่อให้ผู้ชมจดจำได้มากขึ้น

เทคนิค

1). ภาพนิ่งของเราควรจะเรียบง่าย และชัดเจน

2). กำจัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อความไม่ยุ่งเหยิง อย่าใช้บุลเล็ต และข้อความตัวอักษรที่เยอะเต็มหน้า สไลด์

3). หลีกเลี่ยงการใช้เอฟเฟคมากจนเกินไป เพราะจุดมุ่งหมายของเราอยู่ที่การสื่อสาร ไม่ได้เพื่อที่จะได้รางวัลออสการ์เรื่องเทคนิคพิเศษแต่อย่างใด

4). ใช้ภาพเคลื่อนไหวเท่าที่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่น ข้อความบินได้ หรือข้อความกระพิบสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้จริง แต่ควรใช้กับเฉพาะข้อความที่เป็นหัวข้อ (Topic) เท่านั้น

5). เสียงเอฟเฟคที่มาพร้อมกับภาพเคลื่อนไหว หลีกเลี่ยงได้จะดีที่สุด

2. “Mix and Match” ตัวอักษร

ตัวอักษร (Fonts) ถือเป็นจุดดึงดูดใจแรก ๆ ในงานพรีเซนเทชั่น การเลือกใช้ตัวอักษรที่ไม่ซ้ำซากจำเจเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับในงานPowerPoint ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอของเราให้ดูดีเป็นที่จดจำมากขึ้น ด้วยการผสมและจับคู่ตัวอักษร 2-3 แบบในงานพรีเซนเทชั่น และนิยมใช้ตัวอักษรเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ จะทำให้งานเราดูแตกต่างจากคนอื่นอีกด้วย

เทคนิค
       
1). ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ง่ายต่อการอ่าน (อย่างน้อย 24-point)

2). อย่าใช้ตัวอักษรที่เป็นตัวหนาทั้งหมด ควรใช้เน้นเฉพาะคำสำคัญ หรือ วันที่

3). เลือกตัวอักษรสีเข้ม บนพื้นหลังสีสว่าง ยกตัวอย่างเช่น พื้นหลังสีขาว และสีเหลือง ควรเลือกใช้ตัวอักษรสีดำ หรือสีน้ำเงินเข้ม ถ้าพื้นสีเข้มก็ควรเลือกใช้ตัวอักษรสีอ่อน แต่สำหรับเทรนของ Flat Design จะนิยมใช้เป็นตัวอักษรสีขาว บนพื้นหลังสีเข้ม หรือพื้นหลังที่เป็นรูปภาพ นั่นเอง

4). อย่าลืมกฎ “7×7” คือ อย่าให้เกิน 7 คำต่อ 1 บรรทัด และอย่าให้เกิน 7 บรรทัด ต่อหนึ่งสไลด์

5). หลีกเลี่ยงความจำเจจากการใช้ตัวอักษรแบบเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็น Angsana, Cordia และ Times New Roman ลองหาฟอนต์ใหม่ ๆ ให้เข้ากับงาน โดยสามารถเลือกดาวน์โหลดได้ฟรีจาก www.f0nt.com และฟอนต์ภาษาอังกฤษสวย ๆ จาก www.fontsquirrel.com ดีและฟรีอีกเช่นเดียวกัน

3. เลือกสีดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง

สีสามารถกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก การเลือกสีที่เหมาะสมจะสามารถโน้มน้าวและสร้างแรงจูงใจ เทคนิคง่าย ๆ ที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีสี เพียงแค่จำไว้ว่า สีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สีโทนเย็น (Cool colors) เช่น สีฟ้า และสีเขียว และสีโทนอบอุ่น (Warm colors) เช่น สีส้ม และสีแดง โดยสีโทนเย็น จะเหมาะสำหรับทำเป็นพื้นหลัง (Background) และสีโทนอบอุ่น ไว้สำหรับเป็นสีของข้อความ (Text) สีตัวอย่างพื้นหลังที่อยากแนะนำให้ลองไปปรับใช้กับงานพรีเซนเทชั่นของคุณ หรือจะเข้าไปครีเอทสีสวย ๆ ได้ที่เว็บไซต์ color.adobe.com

4. ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันคำ

ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดดี ๆ ได้นับร้อยนับพันคำ สามารถดึงดูดใจและสร้างแรงบันดาลใจไปยังผู้ชมให้ได้รับรู้ถึงเป้าหมายและประเด็นที่คุณต้องการนำเสนอ

การเลือกภาพมาใช้ปัจจุบันต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะมีกฎหมายลิขสิทธิ์เกี่ยวกับภาพถ่ายกล่าวไว้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีอีกหลายเว็บไซต์ที่สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและภาพถ่ายมาใช้ได้ฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์และค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

5. Infographics

การนำเสนอแบบอินโฟกราฟฟิก คือการนำเสนอโดยใช้รูปภาพช่วยดึงดูดความสนใจ

โดยต้องพยายามนำเสนออินโฟกราฟฟิกในรูปแบบใหม่ ๆ จะช่วยให้น่าสนใจมากกว่า กราฟแผนภูมิแท่ง หรือแบบวงกลมแบบทั่วๆไป แต่ถ้าคิดว่าการทำอินโฟกราฟฟิกใช้เองเป็นเรื่องที่ยากเกินไป

HRD เรามีการรวบรวม Slide Theme กว่า 50 แบบให้เราได้ดาวน์โหลดกัน ไปดูกับเลย >>> https://irearn.dhas.com/slide-theme/